ประวัติ ของ ไวรัส SARS-CoV-2 สายพันธุ์เดลตา

ในประเทศนอกเหนือจากอินเดีย สายพันธุ์นี้ได้พบเป็นครั้งแรกในปลายเดือนกุมภาพันธ์รวมทั้งสหราชอาณาจักรเมื่อวันที่ 22 สหรัฐเมื่อวันที่ 23 และสิงค์โปร์เมื่อวันที่ 26[112][3][2]

ในวันที่ 7 พฤษภาคม พีเอชอีได้ระบุสายพันธุ์นี้ว่า น่าเป็นห่วง (VOC-21APR-02)[113]หลังจากที่พบหลักฐานว่า มันติดต่อได้ง่ายกว่าสายพันธุ์ดั้งเดิมโดยเบื้องต้นคาดว่าอาจติดต่อได้ง่ายเท่ากับสายพันธุ์อัลฟาอีกเหตุผลหนึ่งก็คือพบการระบาดสายพันธุ์นี้ใน 48 คลัสเตอร์ซึ่งแสดงการติดต่อในชุมชน[114][115]ในต้นเดือนมิถุนายนต่อมา ก็ได้กลายเป็นสายพันธุ์หลักในสหราชอาณาจักรเพราะกรณีติดสายพันธุ์เพิ่มขึ้นเร็วมาก[116]คือพบว่า กรณีติดโรคใหม่ร้อยละ 90 ในสหราชอาณาจักรต้นเดือนมิถุนายนเกิดจากสายพันธุ์นี้พีเอชอีระบุหลักฐานด้วยว่า สายพันธุ์นี้สัมพันธ์กับความเสี่ยงติดต่อภายในบ้านเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 60 เทียบกับสายพันธุ์อัลฟา[117]

กรณียืนยันแรกของแคนาดาพบที่รัฐควิเบกเมื่อวันที่ 21 เมษายน 2021 แล้วในวันเดียวกันก็พบกรณี 39 กรณีในรัฐบริติชโคลัมเบีย[118]

ประเทศฟิลิปปินส์ได้ยืนยันสองกรณีแรกเมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม 2021 แม้จะได้ระงับการเดินทางจากประเทศต่าง ๆ ในอนุทวีปอินเดีย (ยกเว้นภูฏานและมัลดีฟส์)โดยคนไข้ทั้งสองคนไม่มีประวัติเดินทางไปอินเดียในช่วง 14 วันก่อน แต่มาจากโอมานและสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์[119]

ประเทศบางประเทศมีปัญหาตรวจสอบสายพันธุ์นี้ เพราะไม่มีชุดตรวจโดยเฉพาะ ๆ สำหรับสายพันธุ์หรือไม่มีแหล็บที่ถอดลำดับยีนได้[120][121]ยกตัวอย่างเช่น ณ วันที่ 18 พฤษภาคม ปากีสถานไม่มีรายงานผู้ติดสายพันธุ์นี้เลย แต่เจ้าหน้าที่ของรัฐก็ระบุว่า ตัวอย่างเชื้อถึงร้อยละ 15 จัดอยู่ใน "สายพันธุ์ที่ไม่รู้จัก"คือจริง ๆ ไม่สามารถตรวจเพื่อระบุสายพันธุ์นี้ได้ทั้ง ๆ ที่ประเทศอื่น ๆ ก็รายงานผู้เดินทางมาจากปากีสถานที่ติดเชื้อสายพันธุ์นี้[120]

ในกลางเดือนมิถุนายน นักวิทยาศาสตร์อินเดียได้เน้นการมีสายพันธุ์ใหม่คือ B.1.617.2.1 หรือ AY.1 หรือเดลตาพลัส ซึ่งมีการกลายพันธุ์ K417N เพิ่ม[47]และได้พบในยุโรปตั้งแต่เดือนมีนาคมแล้ว โดยต่อมาก็ได้พบทั้งในทวีปเอเชียและอเมริกา[47]

ในวันที่ 25 มิถุนายน 2021 พีเอชอีรายงานผู้เสียชีวิต 32 รายจากผู้ติดเชื้อเดลตาในสหราชอาณาจักร 11,250 รายที่ติดตามเป็นเวลา 28 วันโดยมีอัตราป่วยตายที่ร้อยละ 0.3ซึ่งใกล้เคียงกับผู้ติดเชื้ออัลฟาในเวลาใกล้ ๆ กัน เป็นอัตราที่น้อยกว่าค่าเฉลี่ยที่ร้อยละ 1.9 ซึ่งสมมุติว่าเป็นเพราะผู้ที่เสี่ยงโรคได้ฉีดวัคซีนแล้วเป็นจำนวนมาก[12][122]แต่ปัญหาหลักก็คืออัตราการเพิ่มเค้สของเดลตาเมื่อเทียบกับอัลฟา[upper-alpha 3]ซึ่งหมายความว่า จำนวนเค้สเดลตากำลังเพิ่มขึ้นเป็น 2.5 เท่า[upper-alpha 4]เทียบกับสายพันธุ์อัลฟาดังนั้น จำนวนเค้สของเดลตาก็จะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วโดยเปรียบเทียบจนกระทั่งถึงระดับหนึ่ง[123][124]

การตอบสนองของรัฐบาล

หลังจากเกิดระบาดระลอกที่สอง ประเทศอย่างน้อย 20 ประเทศได้ระงับหรือจำกัดการเดินทางจากอินเดียในเดือนเมษายนและพฤษภาคมนายกรัฐมนตรีอังกฤษบอริส จอห์นสัน ได้ยกเลิกการไปเยี่ยมอินเดียถึงสองครั้ง และนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นโยชิฮิเดะ ซูงะก็ได้เลื่อนการเดินทางในเดือนเมษายน[125][126][127]

ในเยอรมนีเดือนพฤษภาคม 2021 คนในตึกสองตึกถูกกักตัวหลังจากตรวจพบหญิงคนหนึ่งผู้ติดโควิดสายพันธุ์นี้[128]

ในเดือนพฤษภาคม มุขยมนตรีของกรุงเดลีกล่าวว่า มีไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ในสิงค์โปร์ที่เป็นอันตรายมากต่อเด็กและอาจก่อการระบาดระลอกที่สามในอินเดียแต่รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขสิงคโปร์ก็โต้ว่า ไม่มีสายพันธุ์ใหม่ที่พบในสิงค์โปร์ และก็ไม่มีสายพันธุ์ไวรัสโคโรนาไหน ๆ ที่เป็นอันตรายอย่างยิ่งต่อเด็ก[129][130]แต่การติดโรคที่เพิ่มขึ้นในสิงค์โปร์มีเหตุจากสายพันธุ์เดลตา[130]

ในวันที่ 14 มิถุนายน นายกรัฐมนตรีอังกฤษบอริส จอห์นสันประกาศว่า วันอิสรภาพที่ประกาศไว้คือวันที่ 21 มิถุนายน อาจต้องเลื่อนไปอีก 4 สัปดาห์โดยจะเร่งฉีดวัคซีนให้แก่ประชาชนเพราะเป็นห่วงเรื่องสายพันธุ์เดลตา ซึ่งทำให้ติดโรคใหม่ถึงร้อยละ 90[131]นักวิทยาศาสตร์อังกฤษได้กล่าวว่า สายพันธุ์นี้ติตต่อได้ง่ายกว่าสายพันธุ์อัลฟาถึง 40-60%[77]

ในวันที่ 16 มิถุนายน อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ไทยคาดว่า สายพันธุ์เดลตาจะเป็นสายพันธุ์หลักแทนอัลฟาในประเทศไทยในไม่เกิน 2-3 เดือน[132][133]

ในวันที่ 23 มิถุนายน แอสตร้าเซนเนก้าระบุว่าวัคซีนของบริษัทสามารถป้องกันสายพันธุ์เดลตาได้[132][134]ในวันเดียวกัน รัฐออนแทรีโอของแคนาดาได้เร่งฉีดวัคซีนโดสที่สองให้แก่ประชาชนผู้อยู่ในเขตซึ่งเดลตากำลังระบาดอย่างรวดเร็ว เช่น กรุงโทรอนโตเป็นต้น[135]

ในวันที่ 25 มิถุนายน ประเทศอิสราเอลได้กลับมาบังคับให้ใช้แมสก์อีกโดยอ้างความเสี่ยงการระบาดสายพันธุ์เดลตา[136]

ในวันที่ 27 มิถุนายน แอฟริกาใต้ได้ห้ามการชุมนุมกันทั้งในอาคารและนอกอาคารยกเว้นงานศพ ประกาศให้เคอร์ฟิว และห้ามไม่ให้ขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์[137]

ในวันที่ 28 มิถุนายน กรุงซิดนีย์และเมืองดาร์วินในออสเตรเลียได้กลับไปล็อกดาวน์อีกเพราะการระบาดของเดลตา[138]

ในวันที่ 3 กรกฎาคม เกาะบาหลีและเกาะชวาในอินโดนีเซียได้ประกาศล็อกดาวน์[139]

ในวันที่ 5 กรกฎาคม อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ไทยได้ระบุว่า เดลตาได้กลายเป็นสายพันธุ์หลักที่ระบาดใน กทม. แล้ว[140]

ในวันที่ 8 กรกฎาคม นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นประกาศภาวะฉุกเฉินในนครโตเกียว และผู้ชมกีฬาโดยมากจะถูกห้ามไม่ให้เข้าร่วมชมกีฬาโอลิมปิกฤดูร้อน 2020 (เลื่อนเป็นจัดในปี 2021) ซึ่งจะเริ่มในวันที่ 23 กรกฎาคม[141]

ในวันที่ 9 กรกฎาคม เกาหลีใต้ยกระดับนโยบายให้ใส่แมสก์นอกอาคารและจำกัดจำนวนผู้คนในการชุมนุม[142]

ในวันที่ 12 กรกฎาคม ประธานาธิบดีฝรั่งเศสประกาศว่า เจ้าหน้าที่ทางสาธารณสุขทั้งหมดจะต้องฉีดวัคซีนก่อนวันที่ 15 กันยายน และฝรั่งเศสจะเริ่มใช้พาสปอร์ตสุขภาพเพื่อการเข้าบาร์ ร้านกาแฟ ร้านอาหาร และศูนย์การค้าเริ่มตั้งแต่เดือนสิงหาคม[143]

เทศมณฑลลอสแอนเจลิสในสหรัฐประกาศว่าจะเริ่มบังคับให้ใช้แมสก์ภายในอาคารอีกเริ่มตั้งแต่วันที่ 17 กรกฎาคม[144]

ในวันที่ 19 กรกฎาคม อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ไทยเปิดเผยว่า สายพันธุ์เดลตาได้กลายเป็นสายพันธุ์หลักแทนอัลฟาในประเทศไทยแล้ว[106]ในวันเดียวกัน สหราชอาณาจักรได้ยกเลิกข้อจำกัดเกี่ยวกับโควิด-19 โดยมากแม้การติดโรคจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในขณะที่เดลตากลายเป็นสายพันธุ์หลักโดยรัฐบาลอ้างประสิทธิภาพป้องกันและการฉีดวัคซีนอย่างกว้างขวางให้แก่ประชาชน แม้ผู้เชี่ยวชาญทางสาธารณสุขจะได้แสดงข้อคิดที่ไม่เห็นด้วยกับนโยบายนี้[145][146]

ใกล้เคียง

ไวรัส ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (SARS-CoV-2) ไวรัสอาร์เอสวี ไวรัสโคโรนา ไวรัส SARS-CoV-2 สายพันธุ์เดลตา ไวรัสตับอักเสบซี ไวรัสคอมพิวเตอร์ ไวรัสโรคระบาด เอช 1 เอ็น 1/09 ไวรัส SARS-CoV-2 สายพันธุ์โอมิครอน ไวรัสซิกา

แหล่งที่มา

WikiPedia: ไวรัส SARS-CoV-2 สายพันธุ์เดลตา http://www.theguardian.com/us-news/2021/jul/22/us-... http://www.theguardian.com/world/2021/jul/02/we-ar... http://www.theguardian.com/world/2021/jul/04/healt... //pubmed.ncbi.nlm.nih.gov/11742399 //pubmed.ncbi.nlm.nih.gov/17634159 //pubmed.ncbi.nlm.nih.gov/26132768 //pubmed.ncbi.nlm.nih.gov/28166851 //pubmed.ncbi.nlm.nih.gov/28757186 //pubmed.ncbi.nlm.nih.gov/30560777 //pubmed.ncbi.nlm.nih.gov/32044814